วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2553

[SF] We r together forever (SJ's member)

Title: We're together forever
Rate: pg
Suggestion: ช็อตฟิกเรื่องนี้ไม่ใช่ฟิควาย หากไม่ใคร่อ่านก็มิบังคับ ^^
Reason: คืนหนึ่งนั่งเปลี่ยวๆแล้วได้ยินเพลง "หนังสือรุ่น" ของพี่ป้าง นครินทร์ ทำให้เกิดช็อตฟิคเรื่องนี้ขึ้นมา




~~~~~together&forever~~~~~


“เฮ่ย!! เร็วๆ” เสียงเร่งของคนตัวใหญ่ในกลุ่มดังขึ้นพร้อมกับกวักมือเรียกเพื่อนๆให้มารวมกันยังจุดที่นัดไว้

“ครบยังๆ” หนึ่งในกลุ่มเพื่อนถามขึ้นแบบไม่เจาะจง แต่ก็ทำให้ทุกคนที่เหลือมองคนข้างๆ และมองไปเรื่อยๆเพื่อเช็กดู

“เฮ่ย! เว้นที่ให้ด้วยดิ งานนี้ขอตรงกลางนะเว่ย” อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับมองไปยังจอภาพขนาดเล็กของกล้องถ่ายรูป
“ไม่ให้เว่ย” คนที่อยู่ตรงกลางตะโกนบอกกลับ
“เร็วๆสิว่ะ ลีลาอยู่ได้ เก๊กเมื่อยแล้วนะเว่ย” เสียงของอีกคนหนึ่งในกลุ่มตะโกนเร่งเพื่อนก่อนจะเป็นคนที่ยืนอยู่ตรงกล้องตะโกนกลับอีกครั้งพร้อมกับมองไปยังหน้าจอเล็ก

“เออๆ เตรียมตัวนะเว่ย สาม สอง กดแล้วนะเว่ย” แล้วคนพูดก็รีบวิ่งไปยังกลุ่มเพื่อนที่ยืนรออยู่แล้วอย่างเร่งด่วนเพราะกลัวตกเฟรม

“เฮ้!!!!” ทั้งหมดในกลุ่มตะโกนพร้อมกับชูไม้ชูมือขึ้นเพื่อให้กล้องได้แชะภาพถ่ายไว้







~~~~~together&forever~~~~~


ภายในห้องนอนสีขาวสะอาดตา เจ้าของห้องกำลังวุ่นอยู่กับการหาของบางอย่างอยู่

“อยู่ไหนนะ” เจ้าของห้องบ่นพึมพำกับตัวเองพร้อมกับยังสาละวนอยู่กับการหาของต่อไป
“เอาไปไว้ไหนว่ะเนี่ย ทำไมขี้ลืมแบบนี้ว่ะจองซู” เจ้าตัวบ่นอีกครั้งพร้อมกับตำหนิตัวเองไปด้วย และเพียงไม่นานเขาก็หาของที่ต้องการเจอ

“เจอซะที เอ้า! มือไม้อ่อนเลยไงว่ะเนี่ย” เจ้าของชื่อ ‘จองซู’ พึมพำกับตัวเองอีกครั้งพร้อมกับก้มลงหยิบหนังสือที่ตกลงไป เขาหยิบหนังสือขึ้นมาอีกครั้งแต่แล้วก็มีกระดาษใบหนึ่งหล่นออกมาจากหนังสือเล่มนั้น

“อะไรหว่า” จองซูถามตัวเองก่อนจะก้มลงไปหยิบกระดาษใบนั้น แล้วเมื่อเขาหงายแผ่นกระดาษนั้นขึ้นดู จู่ๆน้ำใสๆก็ค่อยเอ่อขึ้นมายังขอบตาของเขา จองซูเดินไปวางหนังสือเล่มนั้นไว้ก่อนที่เขาจะพาตัวเองไปนั่งลงบนเตียงเพื่อตั้งใจดูรูปถ่ายในมือของเขา

“ตอนนี้ พวกนายจะเป็นยังไงบ้างนะ” จองซูเอ่ยกับรูปถ่ายใบนั้นก่อนที่เขาจะเช็ดน้ำตาตัวเอง แล้วเขาก็นึกบางอย่างออก เขารีบเดินไปยังกล่องเก็บของที่วางอยู่ใต้โต๊ะ เขาดึงกล่องนั้นออกมาและค่อยๆหาอัลบั้มรูปเล่มหนึ่ง จองซูใช้เวลาไม่นานก็เจอเข้ากับอัลบั้มรูปที่เขาต้องการ เขาหยิบมันขึ้นมาวางไว้ที่พื้นใกล้ๆตัวเขา ก่อนที่เขาจะเก็บของที่รื้อออกมากลับลงใส่กล่องและดันกล่องเดิมเก็บไปยังตำแหน่งเมื่อครู่



จองซูเดินถืออัลบั้มรูปมายังที่เตียงอีกครั้ง เขานั่งลงที่ขอบเตียงก่อนจะค่อยๆพลิกดูไปทีละหน้าอย่างตั้งใจ เขายิ้มให้กับภาพที่เห็นสลับกับเสียงหัวเราะเล็กๆ เมื่อความทรงจำเก่าๆของเขากลับมาอีกครั้ง จองซูเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวเขายังคงนั่งเปิดดูไปเรื่อยๆด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มจนมาถึงหน้าสุดท้าย ใบกระดาษขนาดเอสี่ที่มีลายมือของหลายๆคนปรากฏอยู่บนนั้น จองซูนั่งอ่านมันอย่างตั้งใจจวบจนประโยคสุดท้ายที่เป็นลายมือของเขาเอง


“พวกเราจะมีกันตลอดไป”

จองซูปิดอัลบั้มรูปแล้ววางมันลงข้างๆตัว ก่อนที่เขาจะเช็ดน้ำตาตัวเองอีกครั้งแล้วหลับตาพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาเปิดตาขึ้นอีกครั้งก่อนจะหยิบรูปใบเดิมขึ้นมาดูอย่างตั้งใจแล้วเขาก็ลุกขึ้นพร้อมกับหยิบรูปใบนั้นติดมือมาด้วย เขาหาเสื้อคลุมใส่เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ก่อนจะสอดรูปใบนั้นใส่กระเป๋าเสื้อแล้วเดินออกจากห้องไป

“จะไปไหนหน่ะจองซู”
“เดี๋ยวมานะครับแม่” จองซูบอกแม่ที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่
“อย่ากลับดึกหล่ะ”
“ครับ” จองซูรับปากกับแม่ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินออกมาจากบ้าน

เขาซุกมือไว้ในกระเป๋าเสื้อคลุมทั้งสองข้าง และข้างที่มีรูปใบนั้นอยู่เขาได้จับมันไว้เหมือนจะกลัวว่ามันจะปลิวหายไป






~~~~~together&forever~~~~~


“เปลี่ยนไปมากเหมือนกันนะเนี่ย” จองซูเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่มองไปรอบๆบริเวณ แล้วความทรงจำเก่าๆที่เกิดขึ้นยังสถานที่แห่งนี้ก็ปรากฏในหัวใจของเขาอีกครั้ง
โรงเรียนมัธยมแห่งนี้เป็นสถานที่ที่เขาใช้ชีวิตวัยเรียนมาตลอดหกปี แม้ว่าในวันนี้จะเป็นวันหยุดของทางโรงเรียน แต่เขาก็สามารถเข้ามาได้ด้วยทางลับที่เขาและเพื่อนๆต่างรู้กันดี
จองซูเดินดูไปเรื่อยๆพร้อมกับรอยยิ้มเมื่อเขานึกถึงวีรกรรมที่เขาและเพื่อนๆได้สร้างไว้ เขาเดินจนมาถึงบันไดหน้าตึกเรียนตึกหนึ่ง เขาหย่อนตัวลงนั่งตรงบันไดทางขึ้นตึกอย่างคุ้นเคย
“นี่ๆ พวกแกคอยดูอะไรหนุกๆนะเว่ย”
“แกจะทำอะไรว่ะไอ้คัง”
“เอาเหอะนาไอ้เย รับรองสนุก” เจ้าของชื่อ ‘ไอ้คัง’ บอกเพื่อนที่นั่งหน้าสลอนกันอยู่ตรงบันได เขาเดินไปรอเหยื่อที่เขาต้องการแกล้ง และเมื่อเหยื่อเดินมาถึงจุดที่เขาต้องการ ปฏิบัติการคังอินก็เริ่มขึ้น

“เฮ่ย!! ระวังขี้” คังอินตะโกนบอกเหยื่อนักเรียนหญิงสองคนที่เดินมาพร้อมกับชี้นิ้วดุจดั่งคนหวังดี สองสาวยกเท้าขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับส่งเสียงร้องตกใจ

“ขี้ฝุ่นหน่ะ” คังอินเฉลยให้สองสาวรู้ก่อนที่เขาจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกับเพื่อนๆที่นั่งรอดูอยู่ สองสาวค้อนขวับให้กับคังอินพร้อมกับมอบสองคำเน้นๆกลับมา

“ไอ้บ้า!!” แล้วรีบเดินออกไปทันที ส่วนคังอินก็ไม่ได้สะทกสะท้านกับคำที่ได้รับ เขาเดินมานั่งขำตัวงอรวมกับกลุ่มเพื่อนๆ

“แกเห็นหน้าป่าวว่ะ โคตรฮาอ่ะ” คังอินบอกก่อนจะหัวเราะอยู่อย่างต่อเนื่อง
“หน้าน้องคนซ้ายอย่างฮาวะ” หนึ่งในนั้นพูดต่อแล้วก็หัวเราะครื้นเครงกันต่อไปจนใครอีกคนหนึ่งเดินเข้ามายังกลุ่มของพวกเขา

“พวกแกขำอะไรกันว่ะ”




จองซูหัวเราะออกมาเล็กๆหลังจากที่นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อวันวาน เขาส่ายหน้าให้กับเพื่อนของเขาที่ชอบแกล้งชาวบ้านเป็นชีวิตจิตใจ แถมมันยังลามปามไปแกล้งอาจารย์จนพวกเขาถูกทำโทษยกแก๊งค์

“จารย์ ผมไม่เกี่ยวเลยนะ ไอ้คังมันคิดคนเดียวเลยนะจารย์” เสียงต่อรองหนึ่งในกลุ่มที่กำลังยืนเรียงแถวอยู่กลางสนามเอ่ยขึ้น ตอนนี้พวกเขาโดนอาจารย์ฝ่ายปกครองทำโทษด้วยการให้มายืนตากแดดพร้อมกับต้องประคองขาข้างหนึ่งของเพื่อนข้างๆที่ถูกสั่งให้ยกขึ้นมา

“นิสัยว่ะไอ้ฮีชอล” คนถูกพาดพิงหันไปแขวะกลับทันที
“ก็จริงนี่หว่า เพราะแกคนเดียวเลยเหอะไอ้คัง จารย์ ผมไม่เกี่ยวจริงๆนะ” คนเดิมยังคงต่อรองอีกครั้ง ก็จะให้ทำไงได้ ก็ตอนนี้เขาโคตรเมื่อยอ่ะดิ แล้วดูขาที่ต้องประคองไว้อีก ขาหมูของไอ้ชินมันหนักชิบเป๋ง

“แล้วอุปกรณ์ทุกอย่างเนี่ย มันของหมาตัวไหนว่ะ”
“แน่นอน ไม่ใช่ของกระผมชัวร์” เสียงที่สามรีบแทรกขึ้นมาทันที เพราะหวังว่าจะได้รับการผ่อนโทษบ้าง
“รีบเลยนะไอ้ไก่ เออของของกูแล้วจะทำไม”

“คิมฮีชอล!!” เสียงอาจารย์ฝ่ายปกครองกล่าวชื่อเจ้าตัวเสียงเย็น ทำให้ฮีชอลต้องรีบหันมาขอโทษอย่างรวดเร็วโทษฐานหยาบคายต่อหน้าอาจารย์ที่เคารพ

“ขอโทษครับจารย์ ก็ไอ้ไก่มันยั่วผมอ่ะ”
“กระผมไปยั่วอะไรคุณว่ะ ยืนก็ห่างตั้งสามคน” ฮยอกแจบอกพร้อมกับขยับแขนตัวเองเล็กน้อย เห็นว่าตัวเล็กแต่ทำไมขามันหนักแบบนี้ว่ะเนี่ย ไอ้ซองมินมันเล่นกล้ามขาไงว่ะ

“พอเลยทั้งคู่ ยืนไปนิ่งๆ เพื่อนกันก็ต้องรับผิดชอบด้วยกัน”

“อาจารย์ แต่ผมไม่ได้ยุ่งเกี่ยวด้วยเลยนะ ผมไม่ได้ลงมือทำอะไรเลยนะอาจารย์ที่เคารพรัก” เสียงออดอ้อนจากอีกหนึ่งหนุ่มดังขึ้น
“ครับคุณทงเฮ คุณไม่ได้ลงมือเลยครับ คุณแค่เป็นคนดูต้นทางครับ แล้วคุณก็ทำหน้าที่ได้บกพร่องสุดปลายตีนเลยครับ”
“ก็คนมันปวดฉี่นี่หว่า จะให้ปล่อยราดตรงนั้นไงว่ะ” ทงเฮบอกเหตุผลที่เขาทำหน้าที่ดูต้นทางบกพร่อง

“พอเลยพวกนายหน่ะ ทำผิดก็ต้องรับผิดชอบด้วยกัน แล้วถ้าอยากจะพูดกันมากนักนะ ฉันจะให้พวกนายพูดให้หนำใจ” อาจารย์ฝ่ายปกครองเอ่ยบอกก่อนจะสั่งให้ทั้งหมดตะโกนเปิดปาก พร้อมกับอาจารย์เดินออกไปให้ห่างจากกลุ่มตัวป่วน

“ผมขอโทษครับ ผมผิดไปแล้วครับ ผมจะไม่ทำอีกแล้วครับ!!” ทั้งหมดตะโกนขึ้นตามคำที่อาจารย์บอก

“อะไรนะ ฉันไม่ได้ยิน” อาจารย์คนเดิมตะโกนกลับมาบอกเหล่านักเรียนที่รัก

“ผมขอโทษครับ ผมผิดไปแล้วครับ ผมจะไม่ทำอีกแล้วครับ!!” ทั้งหมดตะโกนประโยคเดิมอีกครั้งแต่เพิ่มความดังลงไปอีก และพวกเขาก็ต้องตะโกนแบบนี้ไปอีกจนกว่าอาจารย์จะสั่งให้หยุด



จองซูที่ตอนนี้นั่งอยู่กลางสนามลุกขึ้นก่อนจะเดินไปเรื่อยๆอีกครั้งจนมาถึงสนามบาสของโรงเรียน เขาเดินลงไปในสนามก่อนจะลองมองหาลูกบาส แล้วเขาก็เจอมันวางไว้อยู่ไม่ไกลนัก เขาเดินไปหยิบมันขึ้นมาแล้วจึงเดินไปยังจุดชู้ตลูกโทษ เขาเดาะลูกบอลสองสามทีแล้วจึงเงยหน้ามองแป้นเพื่อกะระยะก่อนที่เขาจะปล่อยลูกบาสออกจากมือตามวิธีการชู้ตที่เขาได้เรียนมา ลูกบาสเด้งโดนขอบรอบๆก่อนจะตกลงมาข้างๆ จองซูหัวเราะเล็กๆให้กับตัวเองเพราะตั้งแต่ไหนแต่ไร เขาไม่เคยที่จะชู้ตลูกบาสลงเลย
“เฮ่ย! ไอ้วอนส่งมา” เสียงของเพื่อนร่วมทีมตะโกนบอกเพื่อน เพราะตำแหน่งเขาตอนนี้ไม่มีคนคอยประกบ ผิดกับชีวอน หนุ่มหล่อเยี่ยงเทพบุตรประจำกลุ่มที่โดนประกบถึงสองคน ชีวอนหันไปมองเล็กน้อยก่อนจะส่งลูกบาสให้อย่างคล่องมือ แล้วเขาจึงรีบวิ่งฉีกหนีการประกบ

“ไอ้ฮันส่งให้ไอ้คังเร็ว มันหาที่โล่งได้แล้ว” เสียงโหวกเหวกของทงเฮดังอยู่ขึ้นอยู่ข้างสนาม เขาดันโชคร้ายที่ในขณะการแข่งขัน ทงเฮโดนกระแทกจากอีกทีมคู่แข่งจนทำให้ขาของเขาพลิกผิดจังหวะ ส่งผลให้เขาต้องโดนเปลี่ยนตัวออกมานั่งประคบข้อเท้าตัวเองด้วยความเจ็บใจ

เจ้าของนาม ‘ไอ้ฮัน’ หันไปมองตามที่ทงเฮตะโกนบอก ก่อนที่เขาจะเลี้ยงลูกบาสหลบหลีกจากการประกบเล็กน้อยแล้วจึงรีบส่งลูกบาสต่อให้คังอินอย่างรวดเร็ว คังอินรับลูกบาสอย่างรู้ทางกันก่อนที่เขาจะเลี้ยงลูกหลบหลีกการประกบเพื่อหาที่ชู้ตให้เร็วที่สุด

ตอนนี้คะแนนของทีมคังอินตามอยู่สองแต้มพร้อมกับเวลาที่เหลืออยู่ไม่มากนักในควอเตอร์สุดท้าย คังอินเลี้ยงลูกบาสมาและเห็นว่าเขาคงไม่สามารถขึ้นทำแต้มได้ สายตาเขาเหลือบมองไปยังด้านข้างก่อนที่เขาจะจับลูกบอลไว้แนบอกแล้วบิดตัวเล็กน้อยเพื่อหนีคู่ต่อสู้ก่อนจะรีบส่งให้กับคยูฮยอนที่สามารถหลุดจากการประกบได้ คยูฮยอนรับลูกบาสไว้แน่นก่อนที่เจ้าตัวจะเลี้ยงฝ่าดงเข้าไปด้านในแล้วใช้ความสูงของตัวเองขึ้นเลย์อัพอย่างรวดเร็ว

“เจ๋งเว่ยไอ้กี้” ฮันกยองบอกเพื่อนหลังจากที่ลูกชู้ตลงแล้ว ก่อนที่ทั้งหมดจะรีบวิ่งลงไปตั้งโซนเพื่อรับเกมบุกจากอีกฝั่ง

เกมบุกดำเนินอย่างรวดเร็วและคล่องแคล่วท่ามกลางเสียงกองเชียร์ของทั้งสองฝ่าย อีกฝั่งหนึ่งสามารถทำแต้มได้อีกครั้งและขึ้นนำไปอีกสองแต้ม นี่เป็นนัดชิงชนะเลิศของการแข่งขันบาสเก็ตบอลภายใน ที่นักเรียนทุกคนสามารถส่งทีมได้แบบไม่จำกัดระดับชั้นหรือห้อง แต่ละทีมสามารถคละกันได้หมด

“เอาเว่ย..เฮือกสุดท้าย” ชีวอนบอกเพื่อนๆพร้อมกับไปยืนหลังเส้นเพื่อส่งลูกให้กับคังอิน เกมดำเนินมาเรื่อยๆภายใต้การบุกของทีมชีวอนที่คงเป็นครั้งสุดท้ายของเกมนี้ ทั้งคู่เล่นกันอย่างสนุกจนเวลาเหลือเพียงไม่กี่วินาที

ชีวอนส่งบอลให้ฮันกยองก่อนที่เจ้าตัวจะฉีกไปอีกทาง ฮันกยองรับบอลไว้พร้อมกับมองหาเพื่อนคนอื่นที่สะดวกทำแต้มมากกว่าตน เขาส่งบอลต่อให้คยูฮยอน คยูฮยอนรับบอลไว้พร้อมกับเลี้ยงหลบลีกและหาหนทางเข้าไปด้านใน แต่ด้วยเกมส์รับที่หนาแน่ทำให้เขาต้องส่งลูกออกมายังด้านนอกอีกครั้ง

“ไอ้หมาบอม ชู้ตเลย” ทงเฮตะโกนบอกอีกครั้งเมื่อคิบอมที่ถูกเปลี่ยนตัวลงไปแทนเขารับลูกไว้ได้

“ยิงเลยเว่ย ไอ้คุณหมาบอม” ฮยอกแจเร่งเพื่อนอีกคน

คิบอมมองลูกในมือตัวเองและเหลือบมองเวลาที่นับถอยหลังเรื่อยๆ เพื่อนๆในทีมของเขากำลังกันคู่แข่งไม่ให้เข้าไปหาเขาได้

“ชู้ตสิเว่ย ไอ้หมาบอม” ทงเฮตะโกนเร่งอีกครั้ง และคิบอมก็กระโดดขึ้นชู้ตทันที ลูกบาสลอยขึ้นไปในอากาศพร้อมกับเวลาที่ใกล้จะเข้าเลขศูนย์ วินาทีนั้นทุกอย่างหยุดนิ่งทั้งสนาม

สวบ!!!

ปี๊ดดดดดดดดดดดดดดด!!!

“เฮ้!!!!!” กองเชียร์ต่างตะโกนโห่ร้องด้วยความดีใจ เมื่อลูกบาสลอยลงแป้นอย่างสวยงาม และที่สำคัญลูกที่ลงนั้นเป็นลูกที่ได้คะแนน ‘สามแต้ม’

“โคตรเจ๋งเลยว่ะไอ้หมาบอม” คังอินวิ่งเข้ามาสวมกอดเพื่อนด้วยความดีใจและตามมาด้วยสมาชิกในทีมทั้งหมด รวมไปถึงเพื่อนๆที่นั่งกันอยู่ข้างสนาม
“ถ้าลูกเมื่อกี๊ไม่ลงนะไอ้หมาบอม แกตายไม่มีชิ้นดีแน่ๆ” ทงเฮที่ได้ฮยอกแจพยุงมารีบบอกทันทีที่เดินมาหยุดอยู่หน้าคิบอม คิบอมทำได้แค่ยิ้มให้ทุกคน เพราะเข้าเองก็อึ้งกับสิ่งที่เขาได้ทำไปเมื่อครู่ โคตรเหมือนในการ์ตูนชิบเป๋ง






~~~~~together&forever~~~~~

จองซูยังคงเดินรำลึกความหลังไปเรื่อยๆจนถึงโรงอาหาร เนื่องจากวันนี้โรงเรียนหยุดทำให้โรงอาหารแห่งนี้ถูกปิด เขาหย่อนตัวนั่งลงยังเก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงอาหารนักก่อนจะถูกทักด้วยเสียงๆหนึ่ง

“วันนี้โรงเรียนปิดนะหนู”

จองซูหันหลังกลับไปมองยังต้นเสียงก่อนที่เขายิ้มกว้างโชว์ลักยิ้ม เมื่อเขาพบป้าที่เขาจำได้ดี

“ป้าซูมิน”

คุณป้าที่จองซูเรียกชื่อนั้นเดินเข้ามาใกล้อีกนิด ก่อนจะมองดูใบหน้าของเขาพร้อมกับครุ่นคิดไปในตัว

“จองซูใช่มั้ยลูก”
“ใช่ครับป้า” จองซูบอกก่อนจะลุกขึ้นโค้งให้ด้วยความเคารพ

“จองซู ป้าเกือบจำไม่ได้แหนะ” ป้าซูมินเอ่ยกลับพร้อมกับจับแขนจองซูด้วยความดีใจ
“แต่ป้าก็ยังจำผมได้นี่ครับ ป้าเป็นยังไงบ้าง สบายดีมั้ยครับ” จองซูถามน้ำเสียงดีใจเช่นกันก่อนที่เขาจะนั่งลงอีกครั้งเมื่อป้าซูมินนั่งลงก่อนเขาแล้ว
“ก็ดีตามประสาคนแก่หน่ะลูก แล้วนี่มาได้ยังไงหล่ะ แล้วเพื่อนๆหล่ะไม่มาด้วยกันเหรอ”
“ผมมาคนเดียวครับป้า พวกนั้นไม่ค่อยว่างกันหน่ะครับ ที่นี่เปลี่ยนไปมากเลยนะครับป้า” จองซูบอกพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะหันมองรอบๆอีกครั้ง

“ก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลานั่นแหละ แต่ฝีมือป้ายังไม่เปลี่ยนนะ”
 


บรรยากาศตอนเที่ยงที่เหล่าบรรดานักเรียนต่างเฮโลกันลงมาจับจองพื้นที่เพื่อทานข้าวกลางวัน โรงอาหารแห่งนี้มีของกินหลากหลาย

“ป้าซูมิน พวกเรามาแล้ว” เสียงร่าเริงของซองมินดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะรีบวิ่งเข้าไปภายในร้านทันที

“ไอ้มิน มันโคตรประจบป้าซูมินเลยว่ะ” คังอินบอกอย่างรวดเร็ว
“ใครดีใครได้เว่ย มาครับป้า ผมช่วย” ซองมินหันไปบอกเพื่อนตัวใหญ่ก่อนจะหันกลับมาช่วยป้าซูมินขายข้าวอีกครั้ง

เป็นที่คุ้นตากันดีทุกกลางวัน เมื่อกลุ่มของจองซูจะผลัดกันมาช่วยป้าซูมินขายข้าวกลางวันให้กับเด็กนักเรียนที่ต่อคิวซื้อข้าวยาวเหยียด เพราะอาหารของป้าซูมินนั้นอร่อยเทียบเท่าอาหารในโรงแรมหรูเลยก็ว่าได้ และป้าซูมินยังเป็นป้าที่กลุ่มจองซูเคารพ เพราะตอนเย็นๆ ป้าซูมินชอบทำอาหารให้พวกจองซูทานบ่อยๆ หลังจากที่พวกแก๊งค์ทะโมนเสร็จสิ้นจากการเล่นบาส


“เฮ่ย! เดี๋ยวพวกแกดูอะไรนะเว่ย” เสียงของฮีชอล จอมกวนประจำกลุ่มผู้ซึ่งถนัดเรื่องยื่นความเขินอายให้กับคนอื่นยิ่งนัก แถมบางอย่างที่เจ้าตัวทำยังคาดไม่ถึงด้วยว่าจะกล้าทำ
“อะไรของแกว่ะ ฮีชอล” เยซองถามเพื่อนที่ตอนนี้ลุกขึ้นยืนท่ามกลางเพื่อนฝูงที่นั่งดูกันอยู่ด้วยความสงสัย
“เอาเหอะนา รับรอง สนุก” ฮีชอลบอกก่อนจะยักคิ้วให้กวนๆ เขาเดินออกไปสองสามก้าวก่อนจะกวาดตามองไปทั่วโรงอาหาร


“ซองมิน นั่นฮีชอลจะทำอะไรอ่ะ” เรียวอุคที่ยืนอยู่หน้าร้านป้าซูมินถามด้วยความสงสัย
“ก็อยู่ด้วยกันตรงนี้ แล้วฉันจะรู้มั้ย”
“เออ ขอโทษที่ถาม” เรียวอุคหันขวับกลับมาบอกอย่างเคืองๆ ก่อนจะหันกลับไปดูเหตุการณ์ต่อ


ฮีชอลหันมาส่งยิ้มให้เพื่อนๆในกลุ่มอีกครั้ง แต่สายตาเจ้าตัวดันไปจับจ้องที่ไอ้หน้าหล่อเยี่ยงเทพบุตรประจำกลุ่ม

“กูว่างานนี้แกโดนแน่เลยว่ะ ชีวอน” คิบอมกระซิบเพื่อนหลังจากที่เห็นสายตาเจ้าเล่ห์ของฮีชอลมองมา ชีวอนขมวดคิ้วทันทีพร้อมกับครุ่นคิดว่าเขาทำอะไรพลาดไปหรือเปล่า แต่เท่าที่คิดไว้ก็ไม่มีนี่หว่า

ฮีชอลหันกลับไปยังทางเดิมก่อนจะมองหาใครสักคน และเมื่อเจอเป้าหมายที่ต้องการเจ้าตัวก็ยกยิ้มมุมปากก่อนจะเดินเข้าไปหาเป้าหมายทันที

“ขอโทษนะครับน้อง น้องชื่อเซกิหรือเปล่า” ฮีชอลถามเสียงนุ่มกับนักเรียนหญิงม.ต้นคนหนึ่ง เจ้าตัวมองด้วยความฉงนก่อนจะพยักหน้าให้ช้าๆ นั่นทำให้ฮีชอลยิ้มเล็กน้อยด้วยความพึงพอใจแล้วจึงเดินกลับมายังโต๊ะเดิม


“จะทำอะไรของแกหน่ะ” จองซูเอ่ยถามเพื่อนทันทีด้วยความงง และดูเหมือนทั้งโต๊ะก็จะมีอาการเช่นเดียวกัน ยกเว้นคนๆหนึ่ง ฮีชอลยกยิ้มมุมปากอีกครั้งก่อนจะหันกลับไปยังตำแหน่งโต๊ะเซกิ เขากระแอมสองสามครั้งแล้วปฏิบัติการฮีชอลก็เริ่มขึ้น ฮีชอลยกมือป้องปากตัวเองแล้วจึงตะโกนไปดังๆ

“น้องเซกิครับ พี่อยากจะบอกน้องว่า คนที่ชื่อชเว ชีวอน ชอบน้องครับ”

ทันทีจบประโยค เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นทันทีทั่วโรงอาหาร สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องมาที่ชีวอนที่นั่งทำหน้าอยากตายอยู่ที่โต๊ะสลับกับน้องเซกิที่นั่งอึ้งอยู่ที่โต๊ะเช่นเดียวกัน

“เฮ่ย! จริงเหรอว่ะไอ้วอน” คังอินรีบถามทันที เพราะเจ้าตัวแทบจะไม่เคยได้แสดงให้รู้เลยว่าชอบน้องเขา
“เออนั่นดิ จริงเหรอว่ะ ทำไมกูดูไม่ออกเลยว่ะ” ฮันกยองยิงคำถามต่อเนื่อง

“กู...กู ไม่รู้เว่ย” ชีวอนอึกอักทันทีก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะลั่นจากคนก่อเหตุ

“โอ๊ะโอ...คุณชายชีวอนเขินว่ะ กร๊ากกกกกกกกก” ฮีชอลหัวเราะอย่างสะใจหลังจากที่ได้แกล้งพ่อหล่อเทพประจำกลุ่ม

“เดี๋ยวก่อนเหอะฮีชอล” ชีวอนบอกอาฆาตแค้นฮีชอลพร้อมกับความสงสัยว่าฮีชอลรู้ได้ยังไงว่าเขาแอบชอบน้องเซกิ คนหล่อเซ็งสุดๆ

หลังจากที่จองซูได้พูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบกับป้าซูมินอยู่พักใหญ่ หลานของป้าซูมินก็มารับกลับไปยังหอพักของเจ้าหน้าที่โรงเรียน จองซูยิ้มให้กับตัวเองก่อนจะเดินกลับมายังทางเดิม เขามองตึกต่างๆที่ตอนนี้เงียบมากปราศจากผู้คน ความทรงจำเก่าๆก็ค่อยๆแล่นเข้ามาในหัว ทุกครั้งที่เขานึกถึงวีรกรรมแสบๆของกลุ่มแก๊งค์ตัวเอง เขาก็มักจะยิ้มและหัวเราะออกมา ในโรงเรียนไม่มีใครไม่รู้จักแก๊งค์ของเขา นอกจากความหล่อและเท่แล้ว พวกเขายังแสบไม่ใช่เล่น แต่พวกเขาก็ไม่ได้เป็นเด็กเกเรมากมาย พวกเขาชอบโดนใช้งานจากอาจารย์ฝ่ายกิจกรรมอยู่เสมอ นับได้ว่าพวกเขาถือเป็นเด็กกิจกรรมตัวพ่อกันทั้งนั้น

จองซูและเพื่อนๆอีก 12 คน รวมตัวกันตั้งแต่ช่วงม.ต้น แม้ว่าจะแยกย้ายกันอยู่คนละห้อง แต่ทุกเช้าพวกเขาก็ต้องมานั่งแซวคนอื่นยังโต๊ะประจำหน้าตึกเรียน บางคนก็จะนั่งปั่นการบ้านที่ไม่ยอมทำมาก่อนด้วยเหตุผล 
“ทำเสร็จเร็วแล้วไม่หนุก”

พอกลางวันพวกเขาก็จะไปกินข้าวด้วยกันตลอด และพวกเขาจะใช้เวลาพักกลางวันให้คุ้มค่าแต่ก็แอบเกินเวลาไปนิดหน่อย ส่วนตอนเย็นพวกเขาก็จะออกจากโรงเรียนพร้อมๆกัน ยกเว้นเสียแต่บางวันใครในกลุ่มจะมีธุระ พวกเขาไม่ใช่แก๊งค์ขาใหญ่ในโรงเรียน แต่เพียงแค่พวกเขาเป็นที่รู้จักมากมายก็แค่นั้น






~~~~~together&forever~~~~~
“ว่าไงแก” จองซูเอ่ยทักคนในโทรศัพท์ที่โทรหาเขา
(นี่แกอยู่ไหนเนี่ย ฉันไปหาที่บ้าน แต่แม่แกบอกว่าแกออกไปข้างนอก)
“ฉันก็อยู่ในโซลนี่แหละ”
(ไอ้จองซู อย่ามากวน บอกมาอยู่ไหน) จองซูหัวเราะเล็กน้อยหลังจากที่โดนปลายสายเหวี่ยงเข้าให้
“อยู่โรงเรียน แกมาดิ”
(โรงเรียน? ไปทำไมว่ะ วันวานแห่งความหลังไงว่ะ)
“เออ อย่ามาพูดมาก จะมาก็รีบมา”
(เออๆ เดี๋ยวไปหา) แต่ก่อนที่ปลายสายจะวางสายไป จองซูต้องรีบเรียกเสียงหลงอีกครั้ง
“เฮ่ย!ฮีชอล เข้าทางของพวกเรานะเว่ย วันนี้โรงเรียนมันปิด”
(เออๆ) ปลายสายตอบสั้นๆก่อนจะวางสายไป จองซูมองโทรศัพท์ในมือตัวเองยิ้มๆแล้วจึงเก็บมันลงกระเป๋ากางเกง


หลังจากที่จบจากโรงเรียนนี้ไป แต่ละคนก็แยกย้ายไปเรียนต่อตามความถนัดและความชื่นชอบของแต่ละคน จองซู ฮีชอลและคังอินไปเรียนมหาฯลัยแห่งเดียวกัน ฮันกยองเพื่อนชาวจีนของพวกเขาก็กลับไปเรียนต่อยังบ้านเกิดตัวเอง คิบอม ชีวอน และคยูฮยอนก็ถูกทางบ้านส่งไปเรียนต่อเมืองนอก ที่เหลือก็แยกย้ายกันเรียนต่างมหาฯลัยกันไป


แรกๆพวกเขาก็ยังคงติดต่อกันอยู่บ่อยๆ แต่ด้วยสายเรียนที่แตกต่างกันทำให้พวกเขาเริ่มห่างๆกันไป แม้ว่าในตอนนี้พวกเขาก็ยังคงติดต่อกันอยู่บ้างแต่ก็น้อยครั้ง เพราะแต่ละคนก็อยู่ในช่วงเรียนปีสุดท้ายกันทั้งนั้น ทุกคนเลยมุ่งมั่นกับการเรียนให้ถึงที่สุด


จองซูเดินมาเรื่อยๆจนมาถึงด้านหน้าโรงเรียน เขาหย่อนตัวลงนั่งยังโต๊ะประจำของพวกเขา จองซูหยิบรูปที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อคลุมของเขาออกมาดูอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้ม

“อะไรว่ะ ทำไมเห็นกูแค่นิดเดียวเองว่ะ” หนึ่งในกลุ่มบ่นออกมาทันทีที่เห็นรูปตัวเอง
“ก็กูบอกแล้วว่าให้ลดความอ้วน ไม่เชื่อกูดีนัก”
“เงียบไปเลยไอ้คัง หุ่นมึงก็ไม่ต่างจากกูหรอก”
“แต่กูก็น้ำหนักน้อยกว่ามึงนะเว่ย ไอ้หมูชิน” คังอินเถียงกลับ
“แค่สองขีดเนี่ยนะ ทำคุย” ชินดงโต้กลับไปทันควัน ก่อนที่เข้าจะยกน้ำโค้กขึ้นดูด

“แต่รูปนี้ กูเด่นว่ะ” เจ้าตัวพูดก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี

“ก็แหงดิ ล่ออยู่ตรงกลางเลยนี่หว่า ไอ้เยซอง”

รูปใบนี้ที่รวมกลุ่มกันถ่ายเป็นใบสุดท้ายในโรงเรียนแห่งนี้ รูปที่ชินดงอุตส่าห์แบกกล้องพร้อมกับขาตั้งกล้องมาเองจากบ้าน และยังเป็นคนดูโฟกัส และกดชัตเตอร์ตั้งเวลาด้วยตัวเอง ก่อนที่เขาจะรีบวิ่งไปหาเพื่อนๆเพื่อถ่ายรูปด้วยกัน




“โอ้โห! เมื่อก่อนหล่อยังไง ตอนนี้กูยิ่งหล่อกว่าเดิมอีกนะเนี่ย” เจ้าของเสียงเอ่ยขึ้นหลังจากที่ชะโงกหน้ามาดูรูปที่อยู่ในมือของจองซู จองซูตกใจเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปยังต้นเสียงแล้วเขาก็ต้องยิ้มกว้างเมื่อพบกับคนที่เขาไม่คิดว่าจะเจอในวันนี้

“ไงคุณหัวหน้าห้อง ทึ่งในความหล่อสุดๆของเพื่อนไง”
“ไม่ใช่แกว่ะฮีชอล มาไงว่ะเนี่ยไอ้หมาบอม” จองซูบอกฮีชอลก่อนเอ่ยทักอีกคนหนึ่งที่มาด้วยกัน

“นั่งเครื่องมา”
“เออ ตอบหมาจริงๆนะแกเนี่ย” จองเอ่ยกลับพร้อมตวัดสายตากลับไป ก่อนจะหัวเราะออกมา พลันเสียงโวยวายก็ดังแทรกขึ้นไม่ห่างจากที่พวกเขาอยู่นัก


“อุตส่าห์แต่งหล่อ แต่ต้องมุดรูเข้ามาอีก ทำไมไม่บอกกันก่อนว่ะ”
“แกจะบ่นไปทำไมว่ะไอ้ด๊อง มุดก็มุดด้วยกันเนี่ย”

และไม่นานเจ้าของเสียงโวยวายก็ปรากฏตัวให้เห็น จองซูลุกขึ้นยืนมองเพื่อนที่เดินมาพร้อมกับรอยยิ้มอีกครั้ง

“คุณหัวหน้าห้อง จะมาที่นี่ทำไมไม่มาเอาวันเปิดเรียนว่ะ ลำบากนะเนี่ย” ทงเฮยังคงบ่นไม่ขาดปากเลยโดนเพื่อนซี้อย่างฮยอกแจแขวะกลับทันที
“เมื่อไหร่แกจะเลิกบ่นว่ะ น่ารำคาญชิบเป๋ง ไอ้แก่”
“ขำอะไรไอ้หมาอินเตอร์” ทงเฮหันไปถามเคืองๆกับคิบอมที่ยืนหัวเราะอยู่ และเขาก็ถูกเปลี่ยนฉายาเป็นหมาอินเตอร์ไปแล้วเรียบร้อย แต่ก่อนที่ศึกน้ำลายจะลุกลามไปใหญ่โต อีกสองสามเสียงก็ลอยตามอากาศมาอีกครั้ง


“เมื่อไหร่มึงจะลดน้ำหนักว่ะ เกือบมุดรูไม่ได้แล้วนะมึง”
“มึงลดเป็นเพื่อนกูป่ะหล่ะ ไอ้คัง”
“กูขอให้มึงทั้งคู่แข่งกันลดว่ะ ใครลดได้น้อยกว่า เลี้ยงเหล้า”
“หลอกแดกตลอดอ่ะไอ้เยซอง”

บทสนทนาสั้นๆหยุดลงพร้อมกับที่ชายหนุ่มอีกห้าคนเดินออกมาหาเพื่อนที่ยืนรอกันอยู่แล้ว

“สวัสดีจองซู” เรียวอุคทักทายเพื่อนเก่าก่อนที่ทั้งคู่จะสวมกอดกันด้วยความคิดถึง

“ทีกูไม่เห็นกอด”
“ก็เจอหน้าแกบ่อยชิบเป๋ง” จองซูไปหันไปบอกคังอินก่อนจะหัวเราะเล็กๆอีกครั้ง

“แล้วไอ้ที่เหลืออ่ะ” ฮีชอลหันไปถามชีวอน
“กำลังมุดรูมากัน” ชีวอนตอบสั้นๆ และเพียงไม่นานทั้งฮันกยอง คยูฮยอน และซองมินก็โผล่มา จองซูมองอย่างอึ้งๆ เพราะนี่เท่ากับว่าพวกเขามารวมตัวกันหมดทุกคน


“ซึ้งหล่ะสิ คุณหัวหน้าห้อง” ฮีชอลเอ่ยแซวเพื่อนหลังจากที่เห็นอาการของเพื่อน
“มากันยังไงว่ะ ทำไมไม่เห็นรู้เรื่อง” จองซูหันไปถามฮีชอลอีกครั้ง
“เซอร์ไพรส์ไง” คังอินตอบแทนฮีชอลก่อนจะหันไปยักคิ้วให้อย่างรู้กัน
“เซอร์ไพรส์ เรื่อง?”
“อะไรว่ะเนี่ย แค่นี้ทำลืมไงว่ะ โคตรเสียใจเลยอ่ะ” ฮีชอลบอกพร้อมกับทำหน้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง จองซูยังคงหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับมองหน้าเพื่อนๆอย่างหาคำตอบ แต่เขาก็ได้รับแค่รอยยิ้มของเพื่อนๆกลับมาแค่นั้น ฉับพลันเขาก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างออก จองซูรีบหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาดูวันที่และนั่นก็คือคำตอบ

“เฮ่ย! ต่อไปพวกเราจะเป็นไงบ้างว่ะ” จองซูเอ่ยถามเพื่อนๆ

“ก็โตขึ้นสิว่ะ แล้วก็หล่อขึ้นด้วย” ฮีชอลตอบเป็นคนแรก
“เออ เห็นด้วย อิทงเฮต้องหล่อขึ้นสุดๆ” ทงเฮรีบสำทับทันทีก่อนที่ทั้งหมดจะหัวเราะให้กับความหลงตัวเองของเพื่อน

“พวกเราจะหายกันไปป่าวว่ะ” จองซูถามขึ้นอีกครั้ง

“ไม่รู้ดิ เรื่องอนาคตมันเดาไม่ได้หรอกว่ะ แต่ยังไงกูก็ไม่ทิ้งมึงหรอก เชื่อกูดิ” ฮีชอลตอบเป็นคนแรกอีกครั้ง

“กูเชื่อนะเว่ย กูเชื่อว่าพวกเราจะไม่มีวันลืมกัน ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ตาม” เยซองเอ่ยพูดขึ้นจนทุกคนหันมามอง

“มีอะไร มองกูทำไม” เยซองเริ่มระแวงสายตาของเพื่อนๆ
“มึงพูดจาแบบนี้ได้ด้วยเหรอว่ะ” คังอินถามกลับพร้อมกับสีหน้าเหลือเชื่อ ทำให้เยซองเหวี่ยงค้อนทางสายตากลับมา และทำให้เสียงหัวเราะเกิดขึ้นอีกครั้ง

“จองซู มึงเชื่ออย่างที่ไอ้เยซองมันบอกเหอะ พวกเราจะไม่ลืมกันอย่างแน่นอน จริงป่าวว่ะ” ฮีชอลบอกเพื่อนก่อนจะหันไปถามเพื่อนๆที่เหลือ และแต่ละคนก็พยักหน้ายืนยัน

“ใช่เลยจองซู แม้ว่ากูจะต้องกลับไปจีน แต่กูจะไม่มีวันลืมพวกมึงแน่นอน”

“กูก็เหมือนกัน แม้ว่ากูจะต้องไปเรียนเมืองนอก แต่กูก็จะส่งอีเมล์มาหาบ่อยๆนะเว่ย ใครไม่ตอบกลับ กูแช่ง” ชีวอนเอ่ยขึ้นต่อ

“กูเหมือนไอ้วอน”
“ไม่คิดใหม่บ้างเหรอว่ะ ไอ้หมาบอม” ชีวอนหันไปถามเพื่อน แต่ดันเป็นทงเฮที่แทรกขึ้นมาทันที
“ก็มันหมาอ่ะ” พลันเสียงหัวเราะก็เกิดขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าคิบอมจะถูกเพื่อนๆเรียกว่าหมาบอม และชอบโดนทงเฮว่าว่าเป็นหมา แต่เขาก็ไม่ถือโทษโกรธเพื่อน เพราะเขารู้ดีว่าเพื่อนๆรักเขา จึงเอ็นดูเขาแบบนี้ หมาบอมแค่รอรวบยอด

“งั้นเอาอย่างนี้ อีกสี่ปีข้างหน้าก่อนพวกเราจบ พวกเราจะมากันที่นี่อีกครั้ง” ฮีชอลเสนอไอเดียขึ้นมา
“แล้ววันไหนว่ะ ระบุวันที่ดิ กระผมจะได้เคลียร์คิว” หลังจากที่ฮยอกแจพูดจบ ทุกคนก็ต่างพร้อมใจกันโห่ใส่

“กล้าใช้คำว่าเคลียร์คิวเลยนะไอ้ไก่ คนดังไงว่ะ”
“เอ้า ของอย่างนี้มันก็ไม่แน่นะเว่ย” ฮยอกแจหันไปบอกซองมิน

“งั้นเอาเป็นวันนี้นี่แหละ จำง่ายดี” ฮีชอลบอกรวบรัดเสร็จสรรพ แล้วทั้งหมดก็อยู่คุยกันต่อจนอาจารย์ฝ่ายปกครองต้องมาไล่ให้กลับบ้าน




“หัวหน้าห้องอะไรว่ะ ดันลืมวันสำคัญได้ ไม่ได้เรื่อง” ฮีชอลเอ่ยกลับน้ำเสียงขบขัน

“ไม่ต้องเอาดีเข้าตัวเลยไอ้ฮีชอล ถ้าไอ้อุคกี้มันไม่เตือน คนอย่างแกก็ลืม” คังอินพูดขัดขึ้นมาทันทีทำให้ดูสายตาของฮีชอลตวัดมามองเคืองๆ

“เงียบปากไป ก็ไม่มีใครว่าแกเป็นใบ้หรอกไอ้คัง”

แต่ก่อนที่ทั้งหมดจะได้พูดคุยกันต่อ เสียงดุๆของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้น

“พวกเธอเข้ามาได้ยังไงหน่ะ”

ทั้งหมดหันไปมองยังต้นเสียงก่อนที่พวกเขาจะเอ่ยขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ท่านอาจารย์โหด!!!”

“เอ้า นี่จะมืดค่ำกันอยู่แล้ว ทำไมไม่กลับบ้านกันอีกเนี่ย” เสียงอาจารย์ฝ่ายปกครองดังขึ้น

“โห! จารย์ อย่าเพิ่งรีบไล่ดิ พวกผมไม่อยู่อาจารย์จะเหงานะครับ” ฮีชอลบอกอาจารย์ที่พวกเขาคุ้นเคยดี
“สบายใจมากกว่า” อาจารย์ตอบกลับก่อนจะมองหน้าลูกศิษย์ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด

“นั่นแน่ อาจารย์จะร้องไห้หล่ะสิ” ทงเฮเอ่ยแซวอาจารย์
“ไม่อยากจบเหรออิทงเฮ”
“โห!จารย์ ขู่กันแบบนี้เลยเหรอ อาจารย์โหดสมชื่อจริงๆ” ทงเฮโวยกลับก่อนจะรีบขอโทษอาจารย์

“ต่อแต่นี้ไป พวกนายก็จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ ทำอะไรต้องคิดให้มากๆ ชีวิตในมหาฯลัยหน่ะมันไม่สบายอย่างที่คิดหรอกนะ จะไม่มีอาจารย์มาคอยจ้ำจี้จำไชแบบนี้อีกแล้ว ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวพวกนายเอง” อาจารย์โหดที่เหล่าแก๊งค์ทะโมนตั้งให้เอ่ยสอนลูกศิษย์

“ครับผม!!” ทั้งหมดพร้อมใจกันเอ่ยรับคำ

“อาจารย์ครับ พวกผมขอบคุณอาจารย์มากๆนะครับ ที่คอยดูแลพวกผม และพวกผมต้องขอโทษอาจารย์ด้วยนะครับ ถ้าพวกผมล่วงเกินอาจารย์” จองซูเอ่ยบอกอาจารย์โหดก่อนที่เพื่อนๆจะรับคำของเขา

“ขอโทษครับ!!! และขอบคุณครับ!!!”

จริงอย่างที่เยซองเคยบอกไว้ พวกเราจะไม่มีวันลืมกัน แม้ว่าตอนนี้พวกเราจะแยกย้ายกันเดินไปตามทางเส้นทางที่แต่ละคนเลือกไว้ แต่ด้วยความผูกพันธ์ที่พวกเรามีให้กันนั้นจะไม่มีวันจางหายไปไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ตาม...







~~~together&forever~~~



talk::เป็นช็อตฟิคที่เอาอารมณ์ตัวเองเป็นที่ตั้งล้วนๆ...
โพสต์ไป น้ำตาแทบจะไหลไป เพราะดันเปิดเพลงบิวต์อารมณ์ได้อีก
ฟิคเรื่องนี้ตั้งใจแต่งเพื่อให้มันออกมาได้ดีที่สุด
อนาคตเราอาจไม่สามารถรู้ก่อนได้
แต่ประโยคนั้นมันจะเป็นความจริงในความรู้สึกตลอดไป




SUPER JUNIOR're together forever



2 ความคิดเห็น:

  1. ต้องขอบคุณพี่ป้างแล้ว ที่ทำให้มีฟิคเรื่องนี้ ^^
    อ่านฟิคเรื่องแรกในชีวิตของแวว ฮ่าๆๆ

    ตอบลบ
  2. อ่านไปน้ำตาคลอไป ขอบคุณพี่ป้างจิงๆ นะเนี่ย
    (ปล.ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเปิดเพลง เขื่อนมันจะแตกขนาดไหน)

    ชอบจังพี่วี ส่งให้เอสเอ็มเอาไปทำหนังเลยดีมั้ย ?
    ขอบคุณค่ะสำหรับฟิคดีๆ แบบนี้ ^^

    ตอบลบ