ด้วยในวันที่ 28 เมษายน 2553 จะเป็นอภิลักขิตสมัยมหามงคล วันราชาภิเษกสมรส ครบ 60 ปี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งพสกนิกรชาวไทยได้ประจักษ์แล้วถึง "รักแท้" และ "มั่นคง"
ที่ทรงเผื่อแผ่มาถึงพสกนิกรอย่างเปี่ยมล้นด้วยการทรงอุทิศพระองค์เพื่อคนไทยมาตลอด 60 ปีแห่งการราชาภิเษกสมรส ทั้งสองพระองค์เสด็จพระราชดำเนินเคียงคู่กันไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นทุรกันดาร เพื่อขจัดทุกข์ผดุงสุขให้แก่อาณาประชาราษฎร์ โดยมิได้ทรงย่อท้อต่อความลำบากตรากตรำพระวรกาย อีกทั้งยังทรงประกอบพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นานัปการ
ในปี พ.ศ.2491 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงศึกษาอยู่ที่เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พระองค์ทรงขับรถยนต์พระที่นั่งจากเมืองโลซานน์มาที่กรุงปารีสเพื่อทอดพระเนตรโรงงานทำรถยนต์และการแสดงดนตรีของคณะดนตรีที่มีชื่อเสียงต่างๆ ในครั้งนั้น ม.จ.นักขัตรมงคล กิติยากร เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปารีสและครอบครัวจึงมีโอกาสเฝ้าฯ รับเสด็จ ในครั้งนั้น สมเด็จพระบรมราชชนนีมีรับสั่งให้พระราชโอรสทอดพระเนตร ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร ด้วยว่า "สวยน่ารักไหม" และยังทรงกำชับว่า "ถึงปารีสแล้วโทรบอกแม่ด้วย" เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินถึงปารีสแล้ว จึงโทรศัพท์ตอบคำถามสมเด็จพระบรมราชชนนีว่า "เห็นแล้ว น่ารักมาก"
ณ ที่แห่งนี้เองคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทรงพบ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร ซึ่งมีความสนใจและเข้าใจในศิลปะการดนตรีอย่างลึกซึ้ง ดังนั้นในการเฝ้าฯ รับเสด็จ ทุกครั้ง ครอบครัวกิติยากรจะได้รับพระราชทานทรงดนตรีร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ จึงก่อให้เกิดความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับครอบครัวกิติยากร โดยเฉพาะกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์
จนเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2491 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีพระราชกระแสรับสั่งให้ ม.ร.ว.สิริกิติ์เข้าเฝ้าฯ เยี่ยมพระอาการ และถวายการพยาบาลอย่างใกล้ชิดเป็นประจำ ยิ่งทำให้สัมพันธภาพของทั้งสองพระองค์กระชับแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ต่อมาสมเด็จพระบรมราชชนนีจึงทรงขอให้ ม.ร.ว.สิริกิติ์เข้าศึกษาในโรงเรียนประจำที่มีชื่อเสียงในเมืองโลซานน์เพื่อเรียนวิชาพิเศษของกุลสตรี
ท่านผู้หญิงเกนหลง สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เขียนเล่าใน "บันทึก เป็น อยู่ คือ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ"... คราวหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประสบอุบัติเหตุรถยนต์ที่นอกเมืองโลซานน์ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ครอบครัว ม.จ.นักขัตรมงคล กิติยากร เข้าเฝ้าฯ ณ โรงพยาบาล
"...ตอนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประสบอุบัติเหตุ ก็มีรับสั่งให้ครอบครัวเราเข้าเฝ้าฯ เพราะทรงได้รับบาดเจ็บที่พระเนตรและพระเศียร คุณแม่ก็เข้าไปก่อน ตอนเข้าเฝ้าฯ ก็ให้จับพระหัตถ์ท่านแล้วบอกชื่อ พอถึงสมเด็จฯ ท่านก็ทูลว่า "ม.ร.ว.สิริกิติ์ เพคะ" พระเจ้าอยู่หัวท่านทรงจับมืออยู่นานพอสมควรเลย..."
14 กรกฎาคม 2492 สมเด็จพระบรมราชชนนีได้รับสั่งขอ ม.ร.ว.สิริกิติ์ ต่อ ม.จ.นักขัตรมงคล กิติยากร โดยพิธีหมั้นได้จัดขึ้นอย่างเรียบง่าย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสวมพระธำมรงค์เป็นของหมั้นต่อ ม.ร.ว.สิริกิติ์ ซึ่งเป็นพระธำมรงค์องค์เดียวกับที่ สมเด็จพระบรมราชชนกทรงมอบต่อสมเด็จพระบรมราชชนนี 25 เมษายน 2493 สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงเป็นประธานในการประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสตามแบบโบราณราชประเพณี ณ วังสระปทุม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกาศสถาปนา ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร เป็น "สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์"
จากนั้นทั้งสองพระองค์เสด็จออก ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ประทับคู่กันเหนือพระราชอาสน์และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ถวายพระพร ในวันรุ่งขึ้นเสด็จฯ เป็นการส่วนพระองค์โดยรถไฟไปประทับ ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตลอดระยะทางมีประชาชนมากมายต่างพากันมาเฝ้าอย่างเนืองแน่น
และเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระประชวร ประทับรักษาพระวรกาย ณ โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2552 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี มีพระดำรัสเผยแพร่ผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 16 ตุลาคม ที่ผ่านมาว่า นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวรและเข้ารักษาพระวรกายที่โรงพยาบาลศิริราชนั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเฝ้าฯ พระอาการไข้อยู่ตลอด "ไม่ได้เสด็จฯ ไหนเลย ประทับอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราชตลอด เสด็จเข้าไปดูพระอาการตลอด ไม่เสด็จฯ ไหนจริงๆ"
และเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระประชวร ประทับรักษาพระวรกาย ณ โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2552 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี มีพระดำรัสเผยแพร่ผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 16 ตุลาคม ที่ผ่านมาว่า นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวรและเข้ารักษาพระวรกายที่โรงพยาบาลศิริราชนั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเฝ้าฯ พระอาการไข้อยู่ตลอด "ไม่ได้เสด็จฯ ไหนเลย ประทับอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราชตลอด เสด็จเข้าไปดูพระอาการตลอด ไม่เสด็จฯ ไหนจริงๆ"
เป็นน้ำพระราชหฤทัยแห่งความรักและความห่วงใยที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงปรารถนาให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหายจากพระอาการประชวร มีพระพลานามัยสมบูรณ์ ประกอบพระราชกรณียกิจเพื่อประชาชนของพระองค์เหมือนเดิม
ณ มหามงคลวโรกาสวันคล้ายวันราชาภิเษกสมรสครบ 60 ปี เหล่าพสกนิกรชาวไทยต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ และพระราชจริยวัตรอันเปี่ยมด้วยพระเมตตาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ประทับอยู่ในดวงใจชาวไทยทุกคน
ข้อมูลบางส่วนจากหนังสือ "ความรักของพ่อ"
ด้วยความรักของพ่อหลวงและแม่หลวงที่ช่วยกันดูแลลูกๆกว่าหกสิบล้านคนให้ได้อยู่อย่างสบาย
"รักแท้" ที่ "มั่นคง"
ด้วยพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
ลูกขอสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
^/\^
(หากใช้คำราชาศัพท์ผิดพลาดประการ ขออภัยไว้ ณ ที่นี่)
^/\^
ตอบลบหนึ่งวันดีๆ ในสถานการณ์แบบนี้
คนไทยอย่างเราก็ยิ้มได้
มีความสุขด้วยคน ^^
อ่านแล้วอมยิ้มแก้มแทบแตก
ตอบลบซาบซึ้งในความรักของทั้งสองพระองค์
มีความสุขกับรักแท้ >//////<
ขอบคุณพี่วีนะคะที่แบ่งปันเรื่องราวดีๆ ^ ^*